Connect with us

ข่าว

AIS ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน ประกาศปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มุ่งตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์

Published

on

AIS ร่วมกับ สมช., ตร., กระทรวงดิจิทัลฯ และ กสทช. ประกาศปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มุ่งตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ปกป้องประชาชนและเศรษฐกิจประเทศ

สำนักข่าวบริคอินโฟ – บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายภาคส่วน ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อตัดวงจรภัยคุกคามทางไซเบอร์ตั้งแต่ต้นทาง และสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือนี้เป็นการผนึกกำลังกับ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.), กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยมีหน่วยงานกว่า 100 องค์กรเข้าร่วม เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปยังรวดเร็วซึ่งสิ่งที่สำคัญคือการก้าวทันโลกเทคโนโลยี โดยเฉพาะการรู้ทันภัยไซเบอร์ ซึ่งข้อมูลจากรายงาน Global Risks Report 2025 ของ World Economic Forum ว่าข้อมูลเรื่องข่าวบิดเบือนถือเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งของโลก และสงครามไซเบอร์ตามมาในอันดับ 5 ซึ่งในรายงานระบุว่าเราจะต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้ไปอีกอย่างน้อย 10 ปี

“เรื่องความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะดูแลเพียงลำพังได้ ต้องอาศัยการทำงานร่วมกัน ขณะเดียวกันภายในประเทศ ภาครัฐจะขับเคลื่อนเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์เพียงผู้เดียวก็ไม่ได้ การร่วมมือกันครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หนึ่งในตัวอย่างที่ได้มีโอกาสไปดูคือการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ประเทศจีนทางตอนใต้ ที่สามารถระบุลงไปในรายละเอียดได้เลยว่าพื้นที่ไหนมีอาชญากรรมบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้อาชญากรสามารถทำงานได้ทุกที่ไม่จำเป็นต้องสร้างศูนย์ปฏิบัติการเหมือนในอดีต บางครั้งมีแค่เป้เพียงใบเดียวหรือขับรถยนต์ไปทั่วทั้งกรุงเทพก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับประเทศได้”

Advertisement

รัฐบาลให้ความสำคัญกับการรับมือภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อประชาชน ซึ่ง สมช. ได้ดำเนินงานเชิงรุกใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การกำหนดและพัฒนากฎหมาย การสร้างความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงาน และการยกระดับความมั่นคงระดับประเทศ ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” และมาตรการอื่น ๆ เพื่อปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์อย่างจริงจัง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ความน่ากลัวของอาชญากรรมทางไซเบอร์ คือ อาชญากรให้ความสนใจมากกว่ายาเสพติดเสียอีก เพราะความง่ายในการหลอกลวงของมัน เราจึงต้องก้าวตามให้ทันท่วงที เพราะพวกมัน (เหล่าอาชญากรไซเบอร์) มาในทุกระดับ”

“ปัจจุบันภัยไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องของคนที่ไม่รู้หนังสือหรือขาดโอกาสทางการศึกษาแต่เป็นเรื่องของทุกคน เพราะคนที่ถูกกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้หลอกลวง แม้ว่าจะจบการศึกษาสูงก็ยังมีโอกาสถูกหลอกลวงจากภัยไซเบอร์ได้ วันนี้เราต้องสู้กับเทคโนโลยีใหม่ๆ เราพยายามแก้ไขกฎหมายสำคัญ เช่น การปราบบัญชีม้า และการดึงทุกภาคส่วนมาร่วมรับผิดชอบ ดังนั้นการร่วมมือกันระหว่าง AIS และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนับว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คนไทยได้รับความปลอดภัยและสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับประเทศต่อไปได้ เพราะวันนี้เรื่องของภัยไซเบอร์เป็นเรื่องของทุกคน” นายภูมิธรรม กล่าว

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยถึงสถิติการแจ้งความออนไลน์สะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 30 เมษายน 2568 พบว่ามีคดีออนไลน์ถึง 887,315 เรื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 8.9 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ย 77 ล้านบาทต่อวัน ทำให้จำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาในทุกมิติ โดย บช.สอท. ได้จัดตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการติดตามเส้นทางการเงินของอาชญากร พร้อมทั้งร่วมมือกับภาคีเครือข่ายอย่าง AIS เพื่อขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิด

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล มุ่งมั่นในการสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์และพัฒนาทักษะออนไลน์ให้แก่ผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภารกิจ “Cyber Wellness for THAIs” โดยได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การปฏิบัติตามมาตรการภาครัฐ การควบคุมระดับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือในพื้นที่ชายแดน การปฏิบัติการร่วมกับตำรวจ การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความปลอดภัยไซเบอร์ อาทิ บริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center และบริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนผ่านหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์

AIS ร่วมกับ สมช., ตร., กระทรวงดิจิทัลฯ และ กสทช. ประกาศปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มุ่งตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ปกป้องประชาชนและเศรษฐกิจประเทศ
AIS ร่วมกับ สมช., ตร., กระทรวงดิจิทัลฯ และ กสทช. ประกาศปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มุ่งตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ปกป้องประชาชนและเศรษฐกิจประเทศ

“วันนี้เราอาชญากรไซเบอร์มีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงอยู่เสมอ ดังนั้นวิธีการป้องกันคือต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในนามของ AIS รู้สึกยินดี แชะเป็นเกียรติอย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งของ ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการป้องกันภัยไซเบอร์ สังเกตได้จากการซื้อซิมของ AIS จะยุ่งยากกว่าปกติ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การยืนยันตัวตนและส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับพี่น้องประชาชน“

นอกจากการป้องกันด้วยระบบต่างๆของบริษัทแล้ว AIS ยังมีการพัฒนาโครงการอุ่นใจไซเบอร์ เพื่อเป็นการให้ความรู้ประชาชน โดยช่วงแรกใช้หลักสูตรจากต่างประเทศแต่จากการใช้จริงพบว่า หลักสูตรไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยในการพัฒนาหลักสูตรใหม่ขึ้นมาให้เหมาะสมกับคนไทยมากยิ่งขึ้น

Advertisement

นายสมชัย ย้ำว่า การสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วน และความร่วมมือภายใต้ “ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” นี้ เป็นการรวมพลังตามโมเดล 3 ประสาน ได้แก่ เรียนรู้ (Educate) ร่วมแรง (Collaborate) และเร่งมือ (Motivate) เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสังคมดิจิทัลที่มั่นคงและปลอดภัยอย่างยั่งยืน