ข่าว
GIP-BlackRock จับมือ CP-True IDC ทุ่มทุนสร้างดิจิทัลฮับในไทย

สำนักข่าวบริคอินโฟ – ประเทศไทยได้รับการยืนยันถึงศักยภาพในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อคณะผู้บริหารระดับสูงจาก Global Infrastructure Partners (GIP) กลุ่มทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ BlackRock (แบล็คร็อค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลก เดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อหารือแนวทางการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) และ True IDC (ทรู ไอดีซี) การลงทุนครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 3-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 105,000-175,000 ล้านบาท มุ่งเน้นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศให้พร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและ AI ของภูมิภาค
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารจาก GIP-BlackRock พร้อมแสดงความยินดีและยืนยันถึงความพร้อมของรัฐบาลในการสนับสนุนกระบวนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชนให้มีความสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้และทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและดาต้าเซ็นเตอร์
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลและ AI ของอาเซียน และกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ Giga Data Center (กิกะ ดาต้า เซ็นเตอร์) ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่รองรับพลังงานระดับกิกะวัตต์ และตอบสนองความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก CP Group มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับพันธมิตรระดับนานาชาติอย่าง GIP และภาครัฐ เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ รวมถึงพัฒนาบุคลากรและโครงการวิจัย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาและนวัตกรรม
นายอาเดบาโย โอกุนเลซี ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธานและซีอีโอของ GIP และกรรมการผู้จัดการอาวุโส BlackRock กล่าวว่า GIP มีประสบการณ์ในการสนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทั่วโลก และเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านภูมิศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และทรัพยากรบุคคล การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการร่วมมือเพื่อสร้างระบบดิจิทัลที่มั่นคงและยั่งยืนในภูมิภาค
การร่วมมือระหว่าง GIP-BlackRock, CP Group และ True IDC ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะ ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการรองรับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI (Artificial Intelligence), Big Data (บิ๊กดาต้า) และ Cloud Services (คลาวด์ เซอร์วิส) ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงานในกลุ่มวิศวกรรมและเทคโนโลยี และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก
ในระดับภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ และคาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 7.5%-8.5% ในอีก 3 ปีข้างหน้า การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สำคัญในอาเซียน