ข่าว
แคนนอน คว้าแชมป์เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 40%

สำนักข่าวบริคอินโฟ – แคนนอน (Canon) ฉลองความสำเร็จในการครองแชมป์ตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง (Large Format Printer: LFP) ในประเทศไทยปี 2567 โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องพิมพ์ CAD ขนาด 24 นิ้ว ที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 40% จากข้อมูลของ IDC เครื่องพิมพ์หน้ากว้างของแคนนอนได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจออกแบบ สถาปัตยกรรม การก่อสร้าง สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล และองค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงธุรกิจการพิมพ์ภาพถ่าย (Print Service)
ความสำเร็จนี้มาจากการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย อาทิ หมึกกันน้ำ LUCIA TD ที่ให้งานพิมพ์คมชัดบนกระดาษหลากหลายประเภท และหัวพิมพ์ FINE (Full-photolithography Inkjet Nozzle Engineering) ที่ให้งานพิมพ์คุณภาพสูงและรวดเร็ว นอกจากนี้ แคนนอนยังมีซอฟต์แวร์ Accounting Manager ที่ช่วยคำนวณต้นทุนการพิมพ์ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้เครื่องพิมพ์หน้ากว้างแคนนอน ครองใจผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับ SMEs ไปจนถึงกลุ่มบริษัทสถาปนิก ก่อสร้าง สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล และกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ภาพถ่ายคุณภาพสูง จนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งได้ในปีที่ผ่านมา”
ในปี 2567 เครื่องพิมพ์หน้ากว้างของแคนนอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ CANON imagePROGRAF TC Series และ CANON imagePROGRAF TM-Series โดยรุ่น imagePROGRAF TC-20 และ TC-20M เป็นเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง 24 นิ้วแบบตั้งโต๊ะที่มาพร้อมหมึกกันน้ำ 4 สี และรุ่น TC-20M มีสแกนเนอร์ในตัว ส่วนรุ่น imagePROGRAF TM-Series มีให้เลือกหลากหลายรุ่น โดยมีจุดเด่นที่หมึกกันน้ำ LUCIA TD ครบ 5 สี และฟีเจอร์การพิมพ์แบบไร้ขอบ
ข้อมูลจาก International Data Corporation (IDC) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง (Aqueous Large Format Inkjet Printer) ของแคนนอน ครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยปี 2567 เป็นอันดับ 1 ครบทั้ง 3 กลุ่มการพิมพ์ ได้แก่ TTL MaSH 39%, Graphic MaSH 42% และ CAD/Poster MaSH 39%
“แคนนอนยังคงเดินหน้าสร้างพันธมิตรกับลูกค้าองค์กรในรูปแบบ B2B อยู่เสมอ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีการพิมพ์ และโซลูชันใหม่ ๆ ที่สามารถประยุกต์ใช้สนับสนุนธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น” นางสาวเนตรนรินทร์กล่าวปิดท้าย