Connect with us

การเมือง

ครม. ไฟเขียว พ.ร.บ. ศูนย์กลางการเงิน หนุนไทยสู่ผู้นำการเงินระดับโลก เปิดกว้างธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

Published

on

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

สำนักข่าวบริคอินโฟ – คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. มีเป้าหมายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ระดับโลก หวังดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ยกระดับภาคการเงินไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

กฎหมายใหม่นี้จะช่วยให้การพิจารณาใบอนุญาตและการกำกับดูแลธุรกิจภายใต้ Financial Hub มีความครบวงจร เป็นสากล และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ โดยมีหน่วยงานหลักทำหน้าที่กำหนดนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็น Financial Hub พัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมการเงิน พัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับความต้องการของบริษัทด้านการเงินชั้นนำ

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การพัฒนาไทยสู่ Financial Hub เป็นโอกาสสำคัญที่จะดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาภาคการเงินของไทย และสร้างโอกาสให้แก่แรงงานไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นประเทศต้นๆ ของโลกที่เปิดรับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใน Financial Hub

ร่าง พ.ร.บ. ประกอบด้วย 9 หมวด 96 มาตรา กำหนดรายละเอียดธุรกิจเป้าหมายใน Financial Hub จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ทำหน้าที่ให้บริการเบ็ดเสร็จ (One-stop Authority: OSA) กำหนดคุณสมบัติผู้ประกอบธุรกิจ กลไกการขออนุญาต สิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจนักลงทุน และแนวทางการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ

Advertisement

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ประกอบด้วย ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งตามกฎหมายไทยหรือสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ ธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจบริการการชำระเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ และธุรกิจทางการเงินอื่น ๆ โดยต้องมีสถานที่ตั้งในเขตพื้นที่กำหนด จ้างแรงงานไทยตามสัดส่วน และให้บริการแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศเท่านั้น

การขออนุญาตประกอบธุรกิจใน Financial Hub ทำได้ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (สำนักงาน OSA) ซึ่งจะเป็นหน่วยงานให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร โดยมีคณะกรรมการ OSA ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ส่งเสริมธุรกิจเป้าหมาย กำหนดประเภทและขอบเขตการอนุญาต กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการขออนุญาต และการกำกับดูแล

ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub จะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งทางภาษีและมิใช่ภาษีตามที่คณะกรรมการกำหนด เช่น การยกเว้นกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สิทธิประโยชน์ในการนำคนต่างด้าวเข้ามาในประเทศ และสิทธิในการถือครองห้องชุดเพื่อการประกอบธุรกิจและอยู่อาศัย

การพัฒนาไทยเป็น Financial Hub จะช่วยพัฒนาระบบการเงินและนวัตกรรมทางการเงิน สร้างไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน พัฒนาทักษะแรงงานไทย สร้างโอกาสการจ้างงานและรายได้สูง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากการลงทุนของชาวต่างชาติ

Advertisement