ข่าว
นักลงทุนสถาบัน 88% ใช้ข้อมูล ESG ประกอบการตัดสินใจมากขึ้น แต่ยังกังวลผลกระทบต่อผลตอบแทนระยะสั้น

อีวาย (EY) เผยผลสำรวจนักลงทุนสถาบัน พบว่า 88% ใช้ข้อมูล ESG (Environmental, Social, and Governance) ประกอบการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น แต่ 92% ยังคงกังวลเรื่องผลกระทบต่อผลตอบแทนระยะสั้น สะท้อนช่องว่างระหว่างความสำคัญของ ESG กับการนำไปปฏิบัติจริง
รายงานผลสำรวจ EY Institutional Investor Survey ซึ่งรวบรวมมุมมองของนักลงทุนสถาบัน 350 คนทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า แม้ ESG จะเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับผลตอบแทนระยะสั้นมากกว่า โดย 92% ไม่เชื่อว่าการยอมสละผลตอบแทนระยะสั้นเพื่อประโยชน์ระยะยาวจากการลงทุนด้าน ESG นั้นคุ้มค่า ขณะที่ 66% มองว่า ESG มีแนวโน้มจะมีบทบาทน้อยลงในการตัดสินใจลงทุนในอนาคต
วิไลพร อิทธิวิรุฬห์ หุ้นส่วนและหัวหน้าส่วนงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน อีวาย ประเทศไทย กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูล ESG เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะให้ความสำคัญกับ ESG อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเป็นแกนนำในการผลักดันความยั่งยืน และมองหาโอกาสในการเติบโตระยะยาวจากการลงทุนใน ESG
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า นักลงทุน 85% มองว่า Greenwashing หรือการฟอกเขียวเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้น โดย 36% ไม่พอใจกับรายงานความคืบหน้าของบริษัทต่างๆ และ 80% ต้องการให้รายงานดังกล่าวมีความโปร่งใส ชัดเจน และสามารถเปรียบเทียบกับรายงานของบริษัทอื่นๆ ได้ง่าย
วิไลพร กล่าวเสริมว่า ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศอาจสร้างหายนะให้กับบริษัทได้ นักลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูล ESG อย่างจริงจัง เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
อีวาย เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน เป็นโอกาสสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณา โดยต้องสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนระยะสั้นและมูลค่าธุรกิจระยะยาว เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์