ข่าว
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศความสำเร็จโครงการ “One Network” รวมเสาสัญญาณครั้งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ดัน 5G-4G เร็วแรงขึ้นทั่วประเทศ
สำนักข่าวบริคอินโฟ – ทรู คอร์ปอเรชั่น (True Corporation) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของโครงการ “One Network” ด้วยการรวมเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือระหว่างทรูและดีแทค (dtac) เสร็จสมบูรณ์แล้ว ถือเป็นการสร้างเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งมาพร้อมกับการ “Power Up” ยกระดับประสิทธิภาพเครือข่าย 5G และ 4G ให้ครอบคลุมและมีความเร็วที่สูงขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าดีแทคที่สัมผัสได้ถึงความเร็ว 5G ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 4.39 เท่า จากการอัปเกรดคลื่น 2600 MHz เต็มแบนด์
การดำเนินงานตามกลยุทธ์ “One Network” ตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ถือเป็นความทุ่มเทของทีมงานและวิศวกรกว่า 3,650 คนของ ทรู คอร์ปอเรชั่น (True Corporation) ที่ทำงานรวมกันกว่า 17 ล้านชั่วโมง และปีนขึ้นเสามือถือทั่วประเทศรวมระยะทางแนวดิ่งมากกว่า 2,000 กิโลเมตร เพื่อรวมโครงสร้างพื้นฐานและเสาสัญญาณทั้งหมดเข้าเป็นหนึ่งเดียว โดยมุ่งเน้นการเลือกใช้เสาสัญญาณที่ดีที่สุดเพื่อรองรับการใช้งานสูงสุดในปัจจุบันและอนาคต พร้อมขยายพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณ 5G และ 4G ให้มากขึ้นและเร็วขึ้น
นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จนี้ว่า “วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของความสำเร็จในการยกระดับเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นการมอบประสบการณ์เครือข่ายที่เหนือชั้นให้กับลูกค้าของทรูและดีแทค พร้อมทั้งสร้างคุณค่าเพิ่มขึ้นจากการผสานรวมกันแก่ผู้ถือหุ้น เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากความร่วมมืออย่างเต็มที่จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านเครือข่ายของเราที่ร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุด”
หัวใจสำคัญของการยกระดับเครือข่ายคือการใช้กลยุทธ์ “Spectrum Pooling” ที่ผสานคลื่นความถี่ของทั้งสองแบรนด์เข้าเป็นเครือข่ายเดียวกัน ทำให้ลูกค้าทั้ง ทรู และ ดีแทค (dtac) สามารถใช้ทรัพยากรเครือข่ายร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้คุณภาพสัญญาณแข็งแกร่งขึ้น และประสิทธิภาพการใช้งานสูงขึ้นทั่วประเทศ โดยเห็นได้ชัดจากความเร็วอินเทอร์เน็ต 5G ที่เพิ่มขึ้น โดยลูกค้าดีแทค ได้รับความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 4.39 เท่า ขณะที่ลูกค้าทรูมีความเร็วเพิ่มขึ้น 1.09 เท่า ซึ่งแสดงถึงการพัฒนาประสิทธิภาพเครือข่ายเพื่อลูกค้าทั้งสองแบรนด์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการนำคลื่น 2600 MHz มาอัปเกรดใช้งาน 5G ได้ทั้งแบนด์วิดท์ 90 MHz อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้เทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) ทำให้สามารถใช้งานคลื่นความถี่ร่วมกันได้อย่างยืดหยุ่นระหว่าง 5G และ 4G บนคลื่น 2600 MHz
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น (True Corporation) ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าด้วย True CyberSafe โดยใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงในการตรวจจับ บล็อก และแจ้งเตือนภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ และในมิติของความยั่งยืน โครงการ Network Modernization นี้ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดเสาซ้ำซ้อนและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงได้ถึง 15-20% เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 โดยความสำเร็จนี้สอดคล้องกับการจัดอันดับของ nPerf ที่ยืนยันว่า True 5G ครองตำแหน่งเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศไทยถึง 9 ปีซ้อน โดยเฉพาะด้านความเร็วอัปโหลดและค่า Latency ที่ต่ำที่สุด
