ข่าว
การ์ทเนอร์คาดการณ์: 40% ของโครงการ Agentic AI อาจล้มเหลวภายในปี 2570
สำนักข่าวบริคอินโฟ – การ์ทเนอร์ (Gartner) บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำระดับโลก ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2570 กว่า 40% ของโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Agentic AI จะต้องถูกยกเลิก ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ความไม่ชัดเจนในคุณค่าทางธุรกิจ และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ยังไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้งานจริง
- อ่าน : ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เดินหน้ากลยุทธ์ “AI-native” ชูเทคโนโลยี Agentic AI หนุนการจัดการพลังงานและความยั่งยืน
- อ่าน : เอ้ก ดิจิทัล เปิดแผนปี 68 ชู Agentic AI ผสานดาต้า-เทคโนโลยี-ครีเอทีฟ ยกระดับการตลาดตอบโจทย์ลูกค้ายุคอัจฉริยะ
- อ่าน : Lenovo ผนึกกำลัง NVIDIA เปิดตัวโซลูชัน Hybrid AI Advantage ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Agentic AI
Anushree Verma ผู้อำนวยการนักวิเคราะห์อาวุโสของ Gartner ได้ให้ความเห็นว่าโครงการ Agentic AI ส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังอยู่ในขั้นทดลอง หรือเป็นเพียงการพิสูจน์แนวคิด (Proof of Concepts) ซึ่งมักถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสความนิยมและนำไปใช้ในทางที่ผิด ส่งผลให้องค์กรอาจมองข้ามต้นทุนที่แท้จริงและความซับซ้อนในการนำ AI Agents ไปใช้ในระดับที่ใหญ่ขึ้น ทำให้โครงการเหล่านี้ต้องหยุดชะงักและไม่สามารถนำไปดำเนินการจริงได้ การ์ทเนอร์จึงเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่องค์กรจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและครอบคลุมในกลยุทธ์การนำเทคโนโลยีใหม่นี้ไปใช้
ผลสำรวจจาก Gartner ที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาออนไลน์ 3,412 ราย พบว่า 19% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าองค์กรมีการลงทุนในโครงการ Agentic AI อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ 42% ลงทุนอย่างระมัดระวัง มีเพียง 8% เท่านั้นที่ไม่ได้ลงทุนเลย และอีก 31% เลือกรอดูสถานการณ์
นอกจากนี้ ผู้จำหน่ายหลายรายกำลังสร้างกระแสด้วยการทำ “Agent Washing” ซึ่งเป็นการรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ เช่น AI Assistants, Robotic Process Automation (RPA) และ Chatbots โดยที่ไม่มีความสามารถ Agentic AI ที่แท้จริง การ์ทเนอร์ประเมินว่ามีผู้จำหน่าย Agentic AI ที่เป็นของจริงอยู่เพียงประมาณ 130 ราย จากหลายพันรายเท่านั้น
คุณ Verma เสริมว่า “ข้อเสนอ Agentic AI ส่วนใหญ่ยังขาดคุณค่าสำคัญหรือผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เนื่องจากโมเดลปัจจุบันยังไม่มีการพัฒนาตัวแทนให้เป็นแบบอัตโนมัติอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ซับซ้อน หรือปฏิบัติตามคำแนะนำที่มีความละเอียดอ่อนในช่วงเวลาที่ต้องการ Use Cases การใช้งานหลายอย่างที่เจาะจงว่าเป็น Agentic ในวันนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แบบ Agentic“
แม้จะมีความท้าทายในช่วงเริ่มต้น แต่แนวโน้มการใช้ Agentic AI ยังแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของความสามารถของ AI และโอกาสทางการตลาด โดย Agentic AI จะนำเสนอวิธีการใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร เปลี่ยนงานซับซ้อนให้เป็นอัตโนมัติ และนำเสนอนวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เหนือกว่าขีดความสามารถของบอทอัตโนมัติและผู้ช่วยเสมือนที่โปรแกรมการทำงานไว้ล่วงหน้า
Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 อย่างน้อย 15% ของการตัดสินใจในการทำงานประจำวันจะเป็นอัตโนมัติผ่าน Agentic AI ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 0% ในปี 2567 นอกจากนี้ ในปี 2571 แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร 33% จะรวม Agentic AI ไว้เพื่อใช้งาน โดยเพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 1% ในปี 2567
Gartner แนะนำให้องค์กรพิจารณาใช้ Agentic AI กับกรณีที่ให้คุณค่าหรือมี ROI ที่ชัดเจน โดยการผสานรวม Agents เข้ากับระบบเดิมอาจมีความซับซ้อนทางเทคนิค มักทำให้การทำงานหยุดชะงัก รบกวนเวิร์กโฟลว์ และต้องการการปรับเปลี่ยนที่มีต้นทุนสูง ในหลายกรณี การคิดใหม่เกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานด้วย Agentic AI ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนำไปใช้ที่ประสบความสำเร็จ
“เพื่อให้ได้รับคุณค่าที่แท้จริงจาก Agentic AI องค์กรต้องเน้นไปที่ผลผลิตขององค์กรมากกว่าการนำมาเสริมการทำงานส่วนบุคคลเพียงด้านเดียว สามารถเริ่มต้นโดยใช้ AI agents เมื่อจำเป็นต้องตัดสินใจใช้ระบบอัตโนมัติในขั้นตอนการทำงานตามปกติ และใช้ผู้ช่วยค้นหาข้อมูล ซึ่งเกี่ยวกับการขับเคลื่อนคุณค่าทางธุรกิจผ่านต้นทุน คุณภาพ ความเร็ว และขนาด” คุณ Verma กล่าวทิ้งท้าย
