ลอว์สันไทย งัด “อุด้ง-หมูทอด-ไก่ทอด” อาหารทำสด สู้ศึกเซเว่นฯ ดันยอดขายพุ่ง 3 เท่า

กรุงเทพฯ, 29 ม.ค. สำนักข่าวบริคอินโฟ – ร้านสะดวกซื้อ ลอว์สัน 108 (Lawson 108) ในประเทศไทย เดินหน้าสู้ศึกตลาดร้านสะดวกซื้อกับเจ้าตลาดอย่าง เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-Eleven) ด้วยการนำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นปรุงสดใหม่ในร้าน หวังสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้า โดยหลังจากเปิดตัวสาขาแฟลกชิพ (Flagship) แห่งแรกในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา ลอว์สัน 108 ได้นำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม อาทิ อุด้ง หมูทอดคัตสึราดข้าว และไก่ทอดแอล ชิกิ รวมถึงสินค้าอื่นๆ ในสไตล์ญี่ปุ่น ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

จากรายงานของสื่อญี่ปุ่น พบว่า ลูกค้าชาวไทยให้ความสนใจกับสินค้าและอาหารญี่ปุ่นที่มีจำหน่ายใน ลอว์สัน 108 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมนูที่หาซื้อไม่ได้จากร้านสะดวกซื้อทั่วไป เช่น อุด้ง พาร์เฟต์ และสินค้าอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับร้าน ลอว์สัน ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ลอว์สัน 108 สาขาแฟลกชิพในไทย มีสินค้าญี่ปุ่นมากกว่าสาขาในญี่ปุ่นถึง 4 เท่า นอกจากนี้ ข้าวปั้นโอนิกิริที่ทำสดใหม่ภายในร้าน ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยจำหน่ายในราคาชิ้นละ 40 บาท

นายคิมิฮิโกะ ชินากาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด (Saha Lawson) เปิดเผยว่า ความสำเร็จของสาขาแฟลกชิพล่าสุด ทำให้บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาไปยังแหล่งท่องเที่ยวและคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง โดยจะใช้เมนูอาหารญี่ปุ่นเป็นจุดขายหลัก รวมถึงเตรียมเปิดสาขาใหม่ที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และยังมีแผนนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เช่น ระบบตรวจสอบสินค้าอัตโนมัติ และลายเซ็นดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ลอว์สัน 108 ยังคงต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เซเว่น-อีเลฟเว่น ซึ่งมีสาขามากกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ และครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 70%

นายบุญสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า เซเว่น-อีเลฟเว่น มีกลยุทธ์ในการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยมักจะเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับร้านสะดวกซื้อแบรนด์อื่นๆ

ณ สิ้นปี 2567 ประเทศไทยมีร้านสะดวกซื้อประมาณ 260 แห่งต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่มีร้านสะดวกซื้อ 496 แห่งต่อประชากร 1 ล้านคน